Search This Blog / The Web ค้นหาบล๊อก / เว็บ

Saturday, November 21, 2015

ประวัติหมอพรและตำรับยา 20 ขนาน

       ประวัติหมอพรและตำรับยา ๒๐ ขนาน

หมอพร


จัดทำโดย อ.หมอสุชาติ ภูวรัตน์
นธ.เอกบาลีประโยค 1-2
(อดีตพระธรรมทูตต่างประเทศ)
B.S. Engineering Design Tech.
 B.A. ศาสนศาสตร์บัณฑิต
B.S. Computer Information Systems
B.TM.  พทย์แผนไทยบัณฑิต
สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ
บ.ภ.พท.ว.พท.ผ.พท.น.
ครูแพทย์แผนไทย 4 ด้าน
ศูนย์การแพทย์แผนไทยภูเก็ต
ทำเพื่อการศึกษาและประโยชน์แก่ผู้ชม

ประวัติหมอพรและตำรับยา ๒๐ ขนานควรเก็บรักษาไว้ให้ดีมีประโยชน์


เมื่อครั้งทรงเป็นหมอพร

ขณะที่เสด็จในกรมฯ ได้ทรงออกจากประจำการชั่วคราว ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๕๔  ๒๔๕๙ เป็นระยะเวลา ๖ ปี พระองค์จึงทรงศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ เพื่อช่วยชีวิตคนยากจน โดยได้เสด็จไปหาพระยา พิษณุประสาทเวช หัวหน้าหมอหลวงฝ่ายยาไทย เพื่อขอเป็นลูกศิษย์ นอกจากนั้นยังมีพระอาจารย์อื่น ๆ อีกหลายคน เช่น หมอฝรั่งชาวอิตาเลียน และชาวญี่ปุ่น หม่อมเจ้าหญิง เริงจิตแจรง อาภากร พระธิดาเสด็จในกรมฯ ได้ทรงเล่าว่าพระองค์ทรงศึกษาอย่างจริงจัง ได้ทรงสั่งกล้องจุลทัศน์มาสำหรับตรวจโรค มีห้องพิเศษเรียกห้องเคมีวิทยาศาสตร์ พระองค์ทรงชอบ ทดลองมีการค้นคว้ายาแก้โรคต่าง ๆ ได้ทรงนำเอาสัตว์ต่าง ๆ ตั้งแต่สัตว์เล็ก ๆ จนถึงสัตว์ใหญ่มาทดลองยาที่ทรงปรุง ทรงชำระคัมภีร์อติสาระวรรคโบราณกรรม และปัจจุบันกรรม ซึ่งเป็นตำรายาแผนโบราณจนเสร็จบริบูรณ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘

เมื่อทรงทดลองยาที่ทรงปรุงจนได้ผลดี จึงทรงรับเป็น หมอรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้คนทั่วไป ไม่ว่าคนมี คนจน ใครมาหาก็ทรงตรวจรักษาให้ทั้งนั้น เสด็จในกรมฯ ทรงตั้งชื่อพระองค์ว่า หมอพร คนป่วยมาหาเองไม่ได้ ถ้ามารับไปตรวจและรักษาที่บ้าน ต้องเอารถมารับส่ง เวลานั้นนายทหารเรือป่วยกันมากไม่ค่อยไปโรงพยาบาล ใครป่วยก็มาหาหมอพร หมอพรจะตรวจ และจ่ายยาให้โดยไม่คิดค่ายา ที่หายก็มี และที่ป่วยหนักตายก็มี สำหรับการรักษาประชาชนทั่วไปนั้น มีเรื่องเล่ากันว่า มีครอบครัวจีนในสำเพ็งรายหนึ่ง สามีคือพ่อบ้าน ซึ่งกำลังเจ็บหนักดูเหมือนจะเป็นวัณโรค ซึ่งเรียกกันในสมัยนั้นว่า ฝีในท้องและใกล้จะตายอยู่แล้ว ก็ไม่มีทางจะกระเตื้องขึ้นเลย อาการมีแต่ทรงกับทรุด

ครั้นบ่ายวันหนึ่งเสด็จในกรมฯ ซึ่งปลอมพระองค์เป็น หมอพร เดินถือย่ามยานุ่งผ้าม่วงไว้หนวดไว้เครา เสด็จเข้าไปในสำเพ็ง เด็กเล็กเดินหนีกันเกรียวกราว รู้ไปถึงหูภรรยาของคนเจ็บ เมื่อรู้ว่าหมอพรก็วิ่งกระหืดกระหอบ เข้าไปกราบที่พระบาท ร้องไห้ร้องห่ม ขอให้ไปช่วยชีวิตสามี จะเสียเงินเสียทองเท่าไรก็ยอม หมอพรจึงเดินตามอาซิ้ม เข้าไปในบ้านหลังใหญ่ จะไปพินิจพิเคราะห์ตัวเถ้าแก่ใหญ่ ที่กำลังหายใจ ครอก ๆ อยู่ หลังจากพิจารณาด้วยความถี่ถ้วนแล้ว ก็ทำพิธีเป่ามนต์และท่องบ่นคาถาอยู่พักหนึ่ง แล้วได้อัญเชิญคุณพระมาทำน้ำมนต์และรดคนไข้ พร้อมกับมอบ หมายยาไทยขนานหนึ่งไว้ให้ แล้วหมอพรก็อำลาไป

ต่อมาชั่วเวลาไม่นานนัก พระองค์ก็เสด็จไปฟังผล ปรากฏว่าอาการของคนไข้กระเตื้องขึ้น อย่างทันตาเห็น เถ้าแก่ที่มีเงินทองมากมายได้ลุกขึ้นกราบ เรียกภรรยาให้เอาเงินมาถุงหนึ่ง เพื่อจะถวายให้พระองค์ เป็นค่ารักษา แทนที่เสด็จในกรมฯ หรือหมอพรจะรับไว้ กลับโบกพระหัตถ์ว่า พระองค์ไม่ใช่หมอประเภทเห็นแก่เงิน เสด็จในกรมฯ ขอให้คนไข้นำเงินนั้นไปทำสาธารณประโยชน์ อย่างอื่นต่อไป เศรษฐีจีนคนนั้นได้มอบเงินจำนวนนั้น ไปใช้ในการสร้างศาลาการเปรียญที่วัดแห่งหนึ่ง

ตำรายาหมอพร

หมอพร หรือพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวง ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงออกจากประจำการชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๔ เมื่อครั้งยังทรงเป็นกรมหมื่น ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระองค์ได้ทรงศึกษาวิชาแพทย์ แผนโบราณจากตำราไทย ทรงเขียนตำรายาแผนโบราณ จากตำราไทย ทรงเขียนตำรายาแผนโบราณ ลงในสมุดข่อยด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง โดยทรงค้นคว้าตรวจหาตามคัมภีร์เก่า ที่เกือบจะสูญสิ้นอยู่แล้ว เขียนเสร็จในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ พระองค์ทรงตั้งชื่อ ตำราไทยสมุดข่อยเล่มนี้ว่า  “พระคัมภีร์ อติสารวรรคโบราณกรรมและปัจจุบันกรรม

ซึ่งเป็นสมุดข่อยที่มีเนื้อหาทั้งตำรายาแผนโบราณ กล่าวถึงการผสมยาแก้โรคต่าง ๆ ในตำรา กล่าวว่าเคยใช้ได้ผลมามากแล้วและบันทึกไว้ ด้วยศิลปะภาพเขียน นับตั้งแต่หน้าปกที่เป็นลายไทย ปิดทองที่สวยงามมาก หน้าต่อไปเป็นภาพเขียนด้วยหมึกสี ภาพพระพุทธเจ้านั่งขัดสมาธิ ด้านซ้ายและด้านขวา เป็นภาพฤๅษี ๒ องค์นั่งพนมมือ ถัดมาด้านขวามือสุด เป็นตราประจำราชสกุลอาภากร รูปพระอาทิตย์  ทรงราชรถประทับยืน ทรงพระขรรค์ด้วยพระหัตถ์ขวา มีอักษรเขียนเป็นภาษาบาลีว่า

กยิราเจ กยิราเถนัง แปลว่า จะทำสิ่งไร ควรทำจริง ขอบสมุดด้านซ้ายและขวาเขียนลายไทย ด้วยสีสันที่สดใสสวยงาม ตัวอักษรบางตัวเป็นอักษรประดิษฐ์ประกอบกับลายไทย

นอกจากเสด็จ ในกรมฯ ทรงศึกษาค้นคว้าตำรายาต่าง ๆ แล้วพระองค์ยังไม่ทรงรักษาโรคภัยไข้เจ็บ แก่คนทั่วไปโดยไม่เลือกคนจนหรือคนมี และมิได้คิดค่ารักษาหรือค่ายา แต่อย่างใด ทุกคนที่มีความเดือดร้อน จะต้องได้รับความเมตตาอารีจากพระองค์ไปทั้งสิ้น จนเป็นที่นับถือของคนทั่วไปในนามของพระองค์ว่า หมอพร ข้อนี้เป็นที่ประจักษ์ในพระอัธยาศัย ของพระองค์อีกด้านหนึ่งว่า ทรงเมตตาอารี ต่อคนทุกชั้น แม้ผู้ที่มิใช่ทหารเรือ ก็เคารพนับถือ พระองค์เป็นที่สุดเช่นกัน

พระคัมภีร์อติสารวรรค หรือตำรายา พระคัมภีร์ อติสารวรรค นี้ มีอยู่ 2 เล่ม
เล่มที่ ๑ นั้นอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ สมุทรปราการ
ส่วนเล่มที่ ๒ นั้น ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด ถึงแม้ว่า จะมีร่องรอยของการถูกทำลายจากแมลงตัวเล็ก ๆ อยู่บ้าง แต่พิพิธภัณฑ์ทหารเรือก็ยังคงเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี อยู่ในสภาพที่ดี สามารถอ่านข้อความได้ชัดเจน เคยมีผู้คัดลอกตำรายา พิมพ์เผยแพร่ลงหนังสือไปบ้างแล้ว ๔  ๕ ขนาน คือ ยาเขื่อนกำบัง ยาเบญจขันธ์ ยาประสะพุงเม่น

๑. ยาแก้ไข้ทับระดู และระดูทับไข้

ท่านให้เอา พริกไทยร่อน ๑ ดีปลี ๑ สะค้าน ๑ ลูกสมอไทย ๑ ผักคราด ๑ ชะพลู ๑
แก่นมะหาด ๑ ไม้สัก ๑ แก่นจิก ๑ แก่นต้นรัง ๑ แก่นไม้ประดู่ ๑ เมล็ดฝ้าย ๑ รากหญ้าคา ๑ หัวแห้วหมู ๑ ใบมะกา ๑ ก้านสะเดา ๑ ต้นกะเพรา ๑
ตัวยาทั้ง ๑๗ อย่างนี้เอาหนักอย่างละ ๑ บาทเท่ากัน
ตาไม้ไผ่สีสุก ๗ ตา หัวกะลามะพร้าว ๓ หัว
ตัวยาทั้ง ๑๙ อย่างนี้ นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร
ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา ก่อนอาหาร เช้า-เย็น 
มีสรรพคุณแก้ไข้ทับระดูและระดูทับไข้ ได้ผลดีชะงัดนักแล

๒. ยาแก้โรคไอเป็นเลือด

ท่านให้เอา ใบมะกา ๑ เถาวัลย์เปรียง ๑ เถาคันแดง ๑ ใบมะคำไก่ ๑ 
เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) ๑
ตัวยาทั้ง ๕ นี้เอาหนักอย่างละ ๕ ตำลึง นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร 
ใช้น้ำยา ทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา
มีสรรพคุณแก้โรคไอเป็นเลือดให้หายไป ได้ผลชะงัดนักแล

๓. ยาแก้โรคไอเรื้อรัง

ท่านให้เอา หัวอุตพิดสด (พอสมควร) ๑ หัวกระเทียม ๗ กลีบ ๑ พริกไทยร่อน ๗ เม็ด ๑  
ดีปลี ๗ ดอก ๑ 
ตัวยาทั้ง ๔ นี้ นำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้งแท้ 
ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดข้าวโพด
ใช้ทานครั้งละ ๑ เม็ด มีสรรพคุณแก้โรคไอเรื้อรัง ได้ผลอย่างชะงัดนักแล

๔. ยาทิพย์ไสยาสน์

ท่านให้เอา ลูกจันทน์ ๑ ยาดำ ๑ มหาหิงคุ์ ๑ ตัวยาทั้ง ๓ นี้เอาอย่างละเท่าๆกัน
พริกไทยร่อน หนักเท่ายาทั้ง ๓ อย่างนั้น 
นำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้งแท้
ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดพุทรา 
ใช้ทานก่อนนอน 
มีสรรพคุณทำให้เลือดลมเดินสะดวกดี นอนหลับสบาย ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล

๕. ยาครรภ์รักษา

ท่านให้เอา หัวยาข้าวเย็นเหนือ ๑ หัวยาข้าวเย็นใต้ ๑ เนระพูสี ๑
เกสรทั้ง๕ (ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาค ๑ ดอกมะลิ ๑ ดอกสารภี ๑ เกสรบัวหลวง ๑) 
ตัวยาทั้ง ๔ นี้เอาหนักอย่างละ ๑ บาทเท่ากัน
นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร 
ใช้น้ำยาทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา
มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงสุขภาพของแม่และลูกในครรภ์ ทำให้คลอดลูกออกง่าย
เคยใช้ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล

๖. ยาแก้สตรีตกเลือดประจำเดือน

ท่านให้เอาหัวปลาไหล (ตากแห้ง) ๑ หัว 
นำมาเผาไฟให้ไหม้ บดให้ละเอียด ผสมน้ำส้มสายชูและแทรกสุราเล็กน้อย ประมาณน้ำยา ๑ ถ้วยชา 
ใช้ทานเพียงครั้งเดียว 
มีสรรพคุณแก้สตรีตกเลือดประจำเดือนให้หยุดทันที
เคยใช้รักษาหายมามากแล้ว ได้ผลอย่างชะงัดนักแล

๗. ยาแก้โรคหูหนวก

ท่านให้เอา ใบต้นคนทิสอ ๑ ใบต้นหูกวาง ๑ ใบต้นตะขบป่า ๑ พิมเสน ๑ การบูร ๑
ตัวยาทั้ง ๕ นี้เอาอย่างละพอสมควร 
นำมาตำผสมกันให้ละเอียด ย่างไฟให้สุกกรอบ
บดให้ละเอียด ละลายกับน้ำมันมะพร้าวพอสมควร 
ใช้หยอดช่องหูวันละครั้ง ทุกวันติดต่อกันไปเรื่อย
อาการหูหนวกจะค่อยๆ หายไป 
มีสรรพคุณแก้โรคหูหนวกชะงัดนักแล

๘. ยาแก้โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด

ท่านให้เอา หัวกระเทียมโทน (กระเทียมหัวเดียวโดยเฉพาะไม่มีกลีบ) ๒๑ หัว นำมาปอกเปลือกแล้วใส่โหล หรือใส่โถ ใส่น้ำผึ้งแท้ลงผสมให้ท่วมหัวกระเทียม ปิดฝาโหลหรือโถให้สนิท หมักดองไว้ ๗ วัน 
ใช้รับประทานเวลาก่อนนอน ครั้งละ ๓ หัว พร้อมทั้งน้ำ
แก้โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล

๙. ยาแก้โรคปวดศีรษะเรื้อรัง

ท่านให้เอา แก่นขี้เหล็ก ๑ ผักเสี้ยนผี ๑ ต้นแมงลัก ๑ 
ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ เอาอย่างละ ๑ บาท
นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำ ๓ ส่วน เคี่ยวให้เหลือ ๑ ส่วน 
ใช้น้ำยาทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา วันละ ๔-๕ ครั้ง
มีสรรพคุณแก้โรคปวดศีรษะเรื้อรังให้หายขาดไป ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล

๑๐. ยาแก้โรคมะเร็งในมดลูก

ท่านให้เอาหัวข้าวเย็นเหนือ ๑ หัวยาข้าวเย็นใต้ ๑ ต้นหนอนตายหยาก ๑ 
รากนมแมว ๑ หัวพุทธรักษา( สีขาว) ๑ 
ตัวยาทั้ง ๕ อย่างนี้เอาหนักอย่างละ ๔ บาทเท่ากัน 
เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) ๔ กำมือ 
นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร 
ใช้น้ำยาดื่มครั้งละ ๑ ถ้วยชาจีน เช้าเย็น 
มีสรรพคุณแก้โรคมะเร็งในมดลูก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล

๑๑. ยาแก้โรคเบาหวาน

ท่านให้เอา รังผึ้ง (เอาทั้งรังพร้อมทั้งตัวอ่อน) ๑ รัง เหล้า ๑ ขวด
หัวกระชาย ๑๒ หัว  เปลือกตะโกนา (ต้นตะโกดัด สดหรือแห้งก็ได้) ๓ เปลือก 
ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้ 
นำมาดองรวมกัน โดยนำรังผึ้งใส่ลงในโถหรือใส่ในโหล 
เทเหล้าลงผสมพอท่วมรังผึ้ง ใส่หัวกระชาย (ซึ่งปลอกเปลือกและทุบให้แตกเสียก่อน) และใส่เปลือกตะโกนา ลงผสม หมักดองไว้ ๓ วัน 
ใช้น้ำยาดองนี้รับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชาจีน เวลาก่อนอาหาร เช้า-เย็น
วันละ ๒ เวลา ทุกวันติดต่อกันไปจนครบ ๑ เดือน

ท่านให้เอา ต้นเหงือกปลาหมอทั้ง ๕ (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) จำนวนพอสมควร นำมาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแดดให้แห้ง 
บดเป็นผงจำนวน ๖ ถ้วยชาจีน 
เอาพริกไทยร่อนจำนวน ๓ ถ้วยชาจีน 
บดให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้งแท้ 
ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดพุทรา จำนวน ๑๐๘ เม็ด 
ใช้รับประทานครั้งละ ๑ เม็ด ก่อนเวลาอาหาร เข้า-เย็น ทุกวัน ติดต่อกันไปจนครบ ๕๔ วัน  โรคเบาหวานจะหายขาด 
เจ้าของยาขนานนี้ ได้ใช้รักษาตัวเองหายขาดมาแล้ว ชะงัดนักแล

๑๒. ยาแก้โรคปวดเข่าอย่างรุนแรง

ท่านให้เอา เถากะทกรกหนัก ๑ บาท หญ้างวงช้าง ๑ รากคนทา ๑ ขิงแห้ง ๑ 
หญ้าหางช้าง ๑ หัวข่า ๑
ตัวยาทั้ง ๖ นี้ เอาหนักอย่างละ ๑๐ บาทเท่ากัน 
นำมาใส่หม้อดิน ต้มกับน้ำ ๓ ส่วน เคี่ยวให้เหลือ ๑ ส่วน 
ใช้น้ำยา ทานครั้งละ ๑ ถ้วยกาแฟ เวลา เช้า-กลางวัน-เย็น วันละ ๓ เวลา
มีสรรพคุณ แก้โรคปวดหัวเข่าอย่างรุนแรงให้หายไป ได้ผลดี ชะงัดนักแล

๑๓. ยาถอนพิษต่าง ๆ

ท่านให้เอา สารส้ม ๑ ก้อน (ขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย) 
นำมาตำให้ละเอียด ผสมน้ำต้มสุก 
ใช้รับประทาน
มีสรรพคุณ จะทำให้เกิดการ อาเจียนถอนพิษต่าง ๆ เช่น เห็ดพิษ พิษกรดด่าง 
ยาพิษ เป็นต้น ให้หายไป อย่างชะงัดนักแล

๑๔. ยาแก้โรคโลหิตจาง

ท่านให้เอา ผลมะนาวสด ผ่าซีก บีบเอาเฉพาะน้ำ 
นำมาผสมกับน้ำหวานและปรุงด้วยเกลือทะเล (เกลือใส่แกง) พอสมควร 
ใส่น้ำแข็ง ใช้ทานบ่อยๆ เป็นยาบำรุงโลหิต และแก้โรคโลหิตจาง
ทำให้มีผิวพรรณผุดผ่อง มีน้ำมีนวล 
มีสรรพคุณแก้โลหิตจางชะงัดนักแล

๑๕. ยาแก้โรคความดันโลหิตต่ำ

ท่านให้เอา หมูเนื้อแดง หนัก ๑ กก. กับพริกไทยร่อน ๑ กระป๋องนมข้น 
ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้
นำมาบดผสมกัน ใส่โถ หรือ โหล ใส่น้ำผึ้งแท้พอท่วมยา 
หมกข้าวเปลือกไว้ ประมาณ ๑๕ วันขึ้นไป
ใช้น้ำยาดองนี้ทานครั้งละ ๑ ช้อนโต๊ะ วันละครั้ง ทุกวัน เพียง ๕ วันเท่านั้น อาการป่วยโรคความดันต่ำจะหายเป็นปรกติ 
มีสรรพคุณแก้ความดันโลหิตต่ำชะงัดนักแล

๑๖. ยาแก้โรคตาฟาง

ท่านให้เอา ใบมะขาม ๒ กำมือ นำมาตำให้ละเอียด กับน้ำฝน ๔ แก้ว 
นำมาใส่ภาชนะเคลือบใส่พิมเสน กับ เกลือทะเล ลงผสมเล็กน้อย 
หมักดองไว้ประมาณ ๑๐วัน แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง
ใช้น้ำยาหยอดตา
มีสรรพคุณแก้โรค ตาฟาง ตาฝ้า ตามัว ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล

๑๗. ยาแก้โรคหูอื้อ

ท่านให้เอา ข้าวสาร ๖ ส่วน พริกไทยร่อน ๔ ส่วน เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) ๓ ส่วน
ตัวยาทั้ง ๓ นี้ นำมาคั่วไฟให้สุกดี แล้วบดให้ละเอียด ผสมกับสุราหรือน้ำร้อนก็ได้
ใช้ทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา อาการโรคหูอื้อ และหูน้ำหนวกจะหายไป 
มีสรรพคุณแก้โรคหูอื้อชะงัดนักแล

๑๘. ยาแก้โรคความดันโลหิตสูง

ท่านให้เอา คื่นฉ่าย (ที่ใช้รับประทานกับข้าวต้ม หรือใช้ใส่ก๋วยเตี๋ยว) 
นำมาคั้นเอาเฉพาะน้ำ
ใช้น้ำยารับประทาน
มีสรรพคุณแก้ความดันโลหิตสูง จะหายเป็นปรกติ ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล

๑๙. ยาแก้คันทวารเบา

ท่านให้เอา ใบมะฝ่อ จำนวนมากพอสมควร 
นำมาล้างน้ำให้สะอาด ใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร 
ใช้น้ำยารับประทาน 
มีสรรพคุณแก้โรคคันทวารเบาของสตรี ได้ผลดีชะงัดนักแล

๒๐. ยาแก้เลือดออกทางทวารหนัก

ท่านให้เอา ฝาง ๑ หญ้าผักปราบ ๑ ต้นขลู่ทั้ง ๕ (ถอนเอาทั้งต้นถึงราก) ๑ 
ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ เอาอย่างละเท่าๆกัน
นำมาล้างน้ำให้สะอาด ใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร 
ใช้น้ำยาทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา เวลาเช้า  เย็น หรือเวลาเลือดออกทางทวารหนัก 
มีสรรพคุณแก้โรคเลือดออกทางทวารหนัก ได้ผลดีชะงัดนักแล 


ขณะที่ใช้ยาเหล่านี้ ให้รักษาศีล 5 สวดมนต์ ทำสมาธิ แผ่เมตตา
ส่วนกุศลให้เจ้าของตำรับยา เจ้ากรรมนายเวร จะได้หายเร็วขี้น

เมื่อได้นำไปใช้รักษาโรค หายจากโรคดีแล้วหรืออาการดีขึ้น ให้ถวายกล้วยน้ำว้า ๓ หวี ตักบาตร ๓ เช้า รักษาศีล ๕ และภาวนาให้จิตสงบเป็นประจำ
ขออโหสิกรรมจากเจ้ากรรมนายเวร และ
อุทิศส่วนกุศลให้เจ้าของตำรับยาด้วย จะได้ตัดรากถอนโคน








No comments:

Post a Comment